ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. 2548 กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำแผนพัฒนาประจำปีขึ้นสำหรับปีงบประมาณแต่ละปี อันมีลักษณะเป็นแนวทางปฏิบัติและรายงานการประสานแผนงานและโครงการของจังหวัด อำเภอ ตำบล และการดำเนินงานของประชาชนในท้องถิ่น เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งแก้ไขปัญหาของประชาชนในท้องถิ่น
สำหรับแผนพัฒนา 3 ปี (2550-2552) เป็นแผนที่มีความสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา มีแนวทางการพัฒนาที่ชัดเจน และมีลักษณะเฉพาะเจาะจงที่จะดำเนินการ นอกจากนี้ ยังเป็นแผนที่แสดงโครงการ/กิจกรรมการพัฒนา ที่องค์การบริหารส่วนตำบลจะดำเนินการเป็นห้วงระยะเวลาสามปี และมีความเชื่อมโยงและสัมพันธ์กับงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งกล่าวได้ว่า องค์การบริหารส่วนตำบลจะต้องใช้แผนพัฒนาเป็นเครื่องมือในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี
การจัดทำแผนพัฒนา 3 ปี (2550-2552) ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพ เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำแผนเพื่อพัฒนาไปสู่สังคมไทยที่พึงปราถนาในอนาคต และเป็นการปรับเปลี่ยนแนวคิดจากเดิมที่เน้นการพัฒนาทางด้านโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลักเพียงอย่างเดียว มาเป็นการพัฒนาให้ครอบคลุมทุกสาขา/แผนงาน เพื่อให้คนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและมีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมทั้งดูแลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับคนและสังคม
การแผนพัฒนา 3 ปี ขององค์การบริหารส่วนตำบลห้วยน้ำขาว ได้จัดทำบนพื้นฐานของข้อมูลและสภาพ
การณ์ที่เป็นจริง ครอบคลุมทุกส่วนของสังคม มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันทุกเรื่อง ทุกระดับ รวมทั้งมีความต่อเนื่องและสอดคล้องกับแผนยุทธสาตร์พัฒนาและแนวทางการพัฒนาในแผนยุทธศาตร์ โดยการเปลี่ยนแปลงแผนสู่การปฏิบัติ โดยการจัดทำแผนพัฒนาสามปี มีขั้นตอนในการจัดทำ 7 ขั้นตอนดังนี้
การจัดทำแผนพัฒนา 3 ปี เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้องค์การบริหารส่วนตำบลได้พิจารณาอย่างรอบคอบ
ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างแนวทางการดำเนินงานต่างๆ ที่อาจจะมีการเชื่อมโยงและส่งผลทั้งในเชิงสนับสนุนและเป็นอุปสรรคต่อกัน เพื่อให้องค์การบริหารส่วนตำบลนำมาตัดสินใจกำหนดแนวทางการดำเนินงาน และใช้ทรัพยากรการบริหารซึ่งหมายถึง เงิน คน วัสดุอุปกรณ์ และการบริหารจัดการขององค์การบริหารส่วนตำบลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะสูงสุด
นอกจากนี้ทำให้การบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัด
สามารถวางพื้นฐานการพัฒนาคุณภาพคนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง สร้างความเป็นธรรมในสังคม ทำให้การพัฒนานำไปสู่สังคมที่เอื้ออาทรต่อกัน มองประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว และสามารถพัฒนาความคิด ทัศนคติและค่านิยมของชุมชนและสังคมไปสู่การปฏิบัติตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ทำให้การพัฒนานำไปสู่สังคมคุณภาพที่มีความสมดุลพอดี เน้นการพึ่งพาตนเองเป็นหลัก นับเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและคุณค่าทางสังคมที่ดี ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรมให้แก่ประชาชน อันนำไปสู่ความอยู่ดีมีสุขของคนในสังคมต่อไป